nursekingnarai hospital lopburi

22 มี.ค. 2554

โรคข้อเข่าเสื่อม


ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis of the Knee, OA knee)
 เป็นโรคที่เกิดจากการสึกกร่อนของผิวกระดูกอ่อนของข้อเข่าอันเนื่องมาจากความเสื่อมตามอายุขัยและการใช้งานมาก ทำให้มีการขัดสีและถลอกของผิวกระดูกอ่อนที่หุ้มอยู่รอบเข่าจนถึงเนื้อกระดูก เปรียบเทียบได้กับกระเบื้องที่ปูพื้นบ้านมีการหลุดลอกจากพื้นบ้านของเรา เมื่อไม่มีผิวกระดูอ่อนมาห่อหุ้ม เนื้อกระดูกที่มาชนกันขณะรับน้ำหนัก จะทำให้เกิดอาการเจ็บปวด


แต่ถ้ามีบางบริเวณหรือบางส่วนที่มีการซ่อมแซมตัวเองและพอกตัวหนาขึ้นมากกว่าเดิม เกิดเป็นกระดูกงอกขรุขระขึ้นภายในข้อ ก็จะทำให้การเคลื่อนไหวติดขัดและมีเสียงดัง ในคนไข้ที่มีอาการมากแล้ว พบว่ากระดูกที่มีการงอกผิดปกติหรือมีการสึกกร่อนไปมาก จะไปทำให้แนวแกนขาของคนไข้ผิดปกติไปจากเดิม โดยอาจมีการโก่งเข้าด้านในหรือเกบิดออกนอกซึ่งเป็นสาเหตุทำให้การรับน้ำหนักของข้อเข่าผิดปกติได้

โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นคนละโรคกับโรคข้อที่มีภาวะข้ออักเสบเช่น รูมาตอยด์, เกาต์ ซึ่งจะมีปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคและอาการแตกต่างกันไป แต่โรคที่มีภาวะที่มีการอักเสบของข้อเหล่านี้ ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อมตามมาได้
ปัจจัยเสี่ยงของโรคข้อเข่าเสื่อม
โอกาสที่คุณจะเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมจะเพิ่มมากขึ้นตามอายุ เนื่องจากหลายปัจจัยที่ทำให้สมดุลระหว่างการสร้างและการทำลายผิวกระดูกอ่อนเของเข่าเสียไป ทำให้สูญเสียผิวกระดูกอ่อนไปเรื่อยๆ โดยปกติข้อเข่าเสื่อมมักจะเริ่มเกิดขึ้นครั้งแรกตอนอายุประมาณ 30 ถึง 40 ปี โดยที่อาการอาจจะยังไม่แสดงออกมากนักในระยะแรก แต่เมื่อมีอายุ 50 ปีขึ้นไปก็จะเริ่มมีอาการมากขึ้น ทั้งนี้มีข้อมูลพบว่าโรคข้อเข่าเสื่อมมีความสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์อีกด้วย หรือแม้กระทั่งการที่คุณเคยประสบอุบัติเหตุ หรือได้รับการบาดเจ็บบริเวณข้อเข่ามาก่อน ก็อาจเป็นสาเหตุให้คุณมีโอกาสเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมได้เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าคุณอ้วนหรือมีน้ำหนักตัวที่มาก ทำให้ข้อเข่าของคุณจะต้องรองรับน้ำหนักหรือแรงที่มากดทับมากขึ้น ทำให้เกิดการสึกกร่อนของผิวกระดูกอ่อนมากยิ่งขึ้น รวมถึงถ้าคุณมีกล้ามเนื้อต้นขาที่ไม่แข็งแรงที่จะมาช่วยในการเคลื่อนไหวงอเหยียดเข่าด้วยแล้ว คุณก็อาจจะพบปัญหาข้อเข่าเสื่อมได้มากกว่าคนอื่น คุณผู้หญิงทั้งหลายต้องระวังโรคนี้มากกว่าคุณผู้ชาย เพราะคุณมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย ในเมืองไทยพบว่าคนไข้ที่มีอาการมากถึงขนาดต้องผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม ร้อยละ 90 เป็นผู้หญิงเนื่องจากปัจจัยความแตกต่างหลายๆอย่าง เช่น ฮอร์โมน ความแข็งแรงของเอ็นและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงน้อยกว่า เป็นต้น

อาการของข้อเข่าเสื่อมเป็นอย่างไร
เมื่อคุณเป็นข้อเข่าเสื่อมในระยะเริ่มแรก จะมีอาการปวดบวมที่บริเวณข้อเข่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเดินหรือขึ้นลงบันได อาการปวดจะเริ่มจากน้อยๆแล้วค่อยปวดมากขึ้น บ่อยขึ้น อาการปวดจะรุนแรงมากขึ้น จนเป็นสาเหตุให้คุณเริ่มเดินได้ระยะทางน้อยลง เนื่องจากมีอาการปวดมากจนเดินไม่ไหว ไม่สามารถลงน้ำหนักบนข้อเข่าได้ ท้ายที่สุดอาจเดินไม่ได้เลย บางครั้งคุณจะรู้สึกว่ามีอาการข้อยึด ซึ่งอาการนี้จะเป็นมากในตอนเช้าๆหรือตอนเริ่มต้นเดินใหม่ๆ อาการข้อยึดติดแข็งที่มากขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้มุมที่เข่าสามารถงอเหยียดได้ลดลง ทำให้การเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันต่างๆ เช่นการลุก-นั่ง ก้าวขึ้น-ลงบันได ก้าวข้ามสิ่งกีดขวาง หรือขึ้น-ลงรถ ทำได้ลำบาก นอกจากนี้อาจมีเสียงดังในเข่าขณะเคลื่อนไหว อาการทั้งหลายเหล่านี้อาจเป็นมากขึ้นหลังจากเดินมากๆหรือเดินขึ้นลงบันได ถ้าคุณไม่ได้รับการรักษาและปล่อยให้ข้อเข่ามีการเสื่อมมากขึ้น จนถึงในระยะที่เป็นรุนแรง ข้อเข่าจะเริ่มมีการโก่งผิดรูปมากขึ้นเรื่อยๆจนเห็นได้ชัด และมีการงอกของกระดูกที่ผิดปกติ จนในที่สุดจะมีอาการปวดมากแม้ขณะที่อยู่เฉยๆ ซึ่งทำให้การประกอบกิจวัตรประจำวันลำบากมากขึ้นจนบางครั้งแทบจะทำไม่ได้เลย

ป้องกันดูแลรักษาตนเองอย่างไรเมื่อเริ่มมีอาการของข้อเข่าเสื่อมในระยะต้นๆ คุณสามารถดูแลรักษาตัวเองควบคู่ไปกับการรักษาโดยแพทย์ได้โดยการปฏิบัติด้วยวิธีง่ายๆดังต่อไปนี้
•ควบคุมน้ำหนัก ถ้าคุณรู้ว่าตัวเองอ้วน การลดน้ำหนักจะช่วยลดภาระการรับน้ำหนักของกระดูกผิวข้อ ซึ่งจะช่วยชะลอความเสื่อมที่เกิดขึ้น หรือคุณที่ไม่อ้วน ก็ควรจะควบคุมไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น

•หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวหรือท่านั่งบางอย่างเช่นการนั่งยองๆ นั่งคุกเข่า นั่งพับเพียบ หรือนั่งขัดสมาธิ ซึ่งข้อเข่ามีการงอพับทำให้เข่าต้องรับแรงกดมากจึงทำให้อาการของโรคเพิ่มขึ้นได้

•ใช้ไม้เท้าช่วยเดินเวลาที่มีอาการปวดมากและต้องเดินไกลๆ ไม้เท้าจะช่วยแบ่งน้ำหนักที่มาลงบริเวณข้อเข่า

•ถ้ามีอาการปวด สามารถทานยาแก้ปวดพาราเซตามอล หรือยาที่แพทย์จ่ายให้เป็นครั้งคราวเพื่อบรรเทาอาการ ควรหลีกเลี่ยงการทานยาเหล่านี้ต่อเนื่องเป็นเวลานานกว่า1-2 สัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณซื้อมาทานเองโดยไม่ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์ เพราะอาจมีผลข้างเคียงบางอย่างได้ การทานยาลดปวดให้ทานเมื่อมีอาการเท่านั้น

•หมั่นออกกำลังบริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า และกล้ามเนื้อต้นขา
ออกกายบริหารด้วยวิธีใด




เนื่องจากกล้ามเนื้อต้นขาของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมทุกคนจะมีความแข็งแรงลดลงอย่างมาก ดังนั้นการบริหารกล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps exercises) จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งและควรทำเป็นประจำสม่ำเสมอ โดยสามารถเลือกทำได้หลายวิธีดังนี้
ท่าที่ 1. นั่งหลังตรงบนเก้าอี้ ถ้าเป็นเก้าอี้ที่มีพนักและที่ท้าวแขนก็จะดีกว่า จะได้ป้องกันไม่ให้หงายหลังหรือพลัดตกเก้าอี้ เหยียดเข่าเกร็งค้างไว้เป็นเวลา 10 วินาทีแล้วงอเข่าดังเดิม ทำซ้ำวันละ 100-200 รอบ ทำเป็นประจำทุกๆวันต่อเนื่องกัน
ท่าที่ 2. นอนเหยียดเข่าเกร็งค้างไว้เป็นเวลา 10 วินาทีแล้ววางลงทำซ้ำวันละ 100-200 รอบ



 ท่าที่ 3. การเคลื่อนไหวในสระน้ำหรือว่ายน้ำเบาๆ จะช่วยให้ร่างกายกระฉับกระเฉง และข้อเข่ามีการเคลื่อนไหว ที่สำคัญจะไม่มีแรงกระแทกที่ข้อเข่าจึงไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด