nursekingnarai hospital lopburi

15 ก.พ. 2555

อาการนิ้วมือชา (CARPAL TUNNEL SYNDROM - CTS.)

อาการนิ้วมือชา (CARPAL TUNNEL SYNDROM - CTS.)






อาการที่พบบ่อย


• ชาบริเวณปลายนิ้วอาจจะเป็นนิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้, นิ้วกลาง บางนิ้วหรือทั้ง 3 นิ้ว รวมทั้งนิ้วนางครึ่งนิ้ว


• อาการชาบางครั้งหายไปได้เอง หรือมีอาการชามากขึ้นตอนกลางคืน


• ชามากขึ้นเวลาทำงาน หรือชาตลอดเวลา


• มีอาการกดเจ็บบริเวณฝ่ามือ


ถ้าท่านมีอาการเช่นนี้ อาจจะเป็นภาวะที่เส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ
โครงสร้างของมือ ที่ทำให้มีอาการชาลักษณะนี้


เส้นประสาทที่มาเลี้ยงฝ่ามือทางด้านฝ่ามือจะมี 2 เส้น คือ


• เส้นประสาทมีเดียน (Median nerve) เลี้ยงฝ่ามือทางด้านนิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้, นิ้วกลาง และนิ้วนางครึ่งนิ้ว


• เส้นประสาทอัลน่าร์ เลี้ยงฝ่ามือทางด้านนิ้วก้อย และอีกครึ่งหนึ่งของนิ้วนาง

ความสำคัญ


เส้นประสาทมีเดียน เข้าไปในฝ่ามือโดยผ่านอุโมงค์ (Carpal tunnel) โดยมีเยื่อพังผืด (Deep tranverse carpal ligament) ขึงระหว่างกระดูกข้อมือ ในอุโมงค์นี้ นอกจากจะมีเส้นประสาทมีเดียนแล้วยังมีเอ็นที่ทำหน้าที่งอนิ้วอีก 9 เส้น อยู่รวมกัน เส้นประสาทมีเดียนเมื่อคลอดอุโมงค์ข้อมือเข้าไปแล้ว จะไปแยกแขนงไปรับความรู้สึกที่นิ้วหัวแม่มือ, นิ้วชี้, นิ้วกลาง ครึ่งนิ้วของนิ้วนางและอีกแขนงหนึ่งจะเลี้ยงกล้ามเนื้อที่เนินฝ่าข้อมือด้านโคนนิ้วหัวแม่มือ (Thenar eminence)


สาเหตุ


• การใช้งานของข้อมือที่มีการงอข้อมือ, หรือกระดกข้อมือมาก ๆ จะทำให้เยื่อพังผืดไปกดรัดเส้นประสาทมากขึ้น


• ปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่พบภาวะนี้ได้ เช่น โรคเบาหวาน, โรคพิษสุราเรื้อรัง, โรคไทรอยด์ และผู้ป่วยสูงอายุ เป็นภาวะที่อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณส่วนต่าง ๆ ในอุโมงค์นี้น้อยลง เซลล์บางส่วนตาย มีอาการบวมของเอ็นเยื่อหุ้มเอ็นไปกดเส้นประสาทมีเดียนได้มากขึ้น


ข้อแนะนำ


ถ้ามีอาการชาปลายนิ้ว ลองขยับข้อมือ นิ้วมือเบา ๆ ถ้ามีอาการดีขึ้นหายชาได้ หรือมีอาการชาตอนกลางคืนบางครั้ง อาจจะมีสาเหตุจากการกดทับของเส้นประสาทมีเดียนในระยะแรก ๆ ได้
• ท่านควรหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมือที่อยู่ท่าที่ผิดปกติ เช่น ในท่องอข้อมือมาก ๆ การยกของ หรือการกระดกข้อมือมาก ๆ เช่น การยันพื้น, ดันสิ่งของต่าง ๆ


• การที่ใช้ข้อมือมากเกินไป


การปวด ขา กลางคืน บางท่านบอกต้องเอาข้อมือวางบนหมอนหรือบางครั้งต้องเอาหนังสือพิมพ์ม้วนผูกติดกับข้อมือให้ข้อมืออยู่ในท่าตรงจะไม่ค่อยชา ก็เป็นวิธีที่ถูกต้อง ข้อมือที่อยู่ในท่าปกติ ไม่หักงอพับไปด้านใดด้านหนึ่ง จะเป็นท่าที่เส้นประสาทถูกกดทับน้อยที่สุด
ถ้าท่านลองแก้ไขด้วยตัวเองไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์

การรักษา


รักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัด


1. หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวข้อมือมากเกินไป รวมทั้งการรับแรงกระแทก, การสั่นสะเทือน บริเวณข้อมือ


2. การใส่เครื่องพยุงข้อมือ


3. การใช้ยา ส่วนใหญ่เป็นยาพวก NSAIDS (Non-steroidal antinflammatory drug)


4. การฉีดสเตียรอยด์ ในกรณีทานยาแล้วไม่ดีขึ้น และเป็นมาน้อยกว่า 1 ปี ได้ผลดีประมาณ 80% แต่มักจะไม่หายขาด